เป็นออแพร์ให้โฮสพ่อเลี้ยงเดี่ยว เด็ก 4 คน หมา 1 ตัว ห้องอาบน้ำมีแค่ห้องเดียว ต้องใช้ร่วมกันทั้งหมด

0
4456
Au Pair Life in Abroad
“ ตอนเรียนปี 1 ที่ มธ. เป็ดได้มีโอกาสไปโครงการ work and travel ที่สหรัฐอเมริกา 4 เดือน ซึ่งตอนนั้นเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของเป็ด ไปใช้ชีวิต ทำงาน ทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยตัวเอง ซึ่งการไปครั้งนั้นมันเป็นแรงบันดาลใจที่ดีมาก พอกลับมาเราก็เริ่มคิดหาทางแล้วว่าถ้าเราอยากไปต่างประเทศหลังจากเรียนจบ แบบที่ไม่ต้องขอเงินพ่อกับแม่ ( เยอะ) มีทางไหนได้บ้าง เพราะไม่อยากรบกวนท่าน จนมาเจอโครงการเป็นพี่เลี้ยงเด็กในต่างประเทศ ที่เราคุ้นชื่อกันว่า Au Pairตอนนั้นคนส่วนมากจะนิยมไปที่สหรัฐฯ  ยิ่งพี่สาวเพื่อนมาเมาท์ให้ฟังว่าเคยไปร่วมโครงการแล้วดีมาก ๆ ได้ไปทำงานแล้วก็เก็บเงินได้ด้วย ค่าดำเนินการก็ไม่แพงมากหลักพันเอง เป็ดได้ยินก็หูผึ่งเลยค่ะ เริ่มวางแพลนว่าต้องทำอะไรบ้าง ‘ คุณสมบัติขั้นแรกก็ต้องมีชั่วโมงเลี้ยงเด็กอย่างน้อย 200 ชม. ’ อีกอย่างเป็ดเรียนทางด้านสังคมสงเคราะห์อยู่แล้ว ก็สามารถเลือกที่ฝึกงานที่สามารถไปเก็บชั่วโมงได้ด้วยค่ะ คุณสมบัติอีกอันคือ ‘ รักเด็ก ’ คอนเซ็ปต์นางงามต้องมา ”
หอไอเฟล คือ แรงบันดาลใจให้มายุโรป
” เป็ดเรียนศิลป์ – ฝรั่งเศสตอน ม.ปลาย ฝันอยากเห็นหอไอเฟลกับตาจริง ๆ บ้าง ตอนนั้นก็เริ่มหา Agency ที่น่าเชื่อถือและราคาเหมาะสมกับงบประมาณของเรา จนมาเจอ Agency ที่เน้นออแพร์ทางยุโรปเป็นส่วนใหญ่ เป็ดสมัครและออนไลน์ไว้ รอจนกว่าจะเรียนจบ เป็ดเรียนจบคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ช่างใจว่าจะไปเป็นออแพร์เลยดีมั้ย แล้วค่อยกลับมาทำงาน  ไปตามใจฝันก่อน แต่อีกใจนึงก็คิดว่าอยากทำงานก่อนให้มีประสบการณ์ไว้ เผื่อตอนกลับมาเราจะได้หางานได้ไม่ยาก สรุปเป็นไปตามแผนสองทำงานก่อน ทำไปทำมาก็ล่วงมาจน 3 ปี แต่ในระหว่างนั้นก็มีออนไลน์กับครอบครัวโฮสเรื่อย ๆ นะแต่ยังไม่แมชกัน เราก็ทำงานเพลิน ๆ ไป “

Au Pair Life in Abroad
ฮอลแลนด์พลิกชีวิต

” ปี 2016 หน้าที่การงานกำลังไปได้ดี กำลังรุ่งเลย ตั้งไทม์ไลน์กับตัวเองไว้ว่า ถ้าหมดปี 2016  ก็คงจะไม่เป็นแล้วนะออแพร์ จะตั้งมั่นทำงาน อาจจะเรียนต่อ เพราะว่าอายุก็เยอะแล้ว พ่อแม่ก็แก่แล้วด้วยค่ะ จนมาเจอครอบครัวที่เนเธอร์แลนด์นี่แหละ เค้าส่งอีเมล์มาหา เราก็ตอบกลับไป อ่านรายละเอียดครอบครัวแล้ว ตรงตามที่เราตั้งไว้ คือไม่ใช่เด็กเล็กแบเบาะ ( เป็ดกลัวเด็กเล็กค่ะ กลัวทำลูกเขาหลุดมือ 555 ) นัดสัมภาษณ์ พอสัมภาษณ์เสร็จเลือกเราเลยนะ เราก็แบบห๊ะ อะไรนะ เพิ่งสัมภาษณ์ครั้งแรกเองนะ เราก็โอเค ไหน ๆ ก็ตั้งมั่นแล้ว ไปลาออกจากงานเลยค่ะ “

มีเรื่องช๊อคไหม

“ โห ตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ เท้าแตะฮอลแลนด์ปุ๊บ ช๊อคปั๊บ คือในรายละเอียดครอบครัวที่เราอ่าน โฮส ( Host Family) มีลูกทั้งหมด 4 คน ( 11,9,8,2.5 ปี ) ซึ่งลูกสามคนแรก เกิดจากการแต่งงานครั้งแรก ส่วนลูกคนสุดท้องเกิดจากการแต่งงานครั้งล่าสุด และกำลังดำเนินเรื่องหย่า เราก็โอเคนะ เพราะคนที่ติดต่อมาคือโฮสแม่ และตอนที่สัมภาษณ์โฮสแม่กับโฮสพ่ออยู่ด้วย เราก็เลยคิดว่าคนนี้น่าจะเป็นภรรยาคนใหม่ พอวันที่เราบินมาถึง โฮสพ่อและเด็ก ๆ ก็มารอรับเรา บอกว่าแม่ทำกับข้าวรอที่บ้าน พอมาถึงบ้าน แม่กำลังสาละวนทำต้มข่าไก่พร้อมข้าวสวยร้อน ๆ ไว้รอ ( บ้านนี้ชอบอาหารไทย เพราะว่าไปเที่ยวไทยกันบ่อยมาก ) เราก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี กินข้าวเสร็จโฮสแม่ก็พาทัวร์บ้าน พอตอนแนะนำห้องนอน เขาก็แนะนำว่านี่ห้องนอน ( ชื่อโฮส )  เราก็เอะใจ เพราะว่าถ้าเป็นห้องนอนของเขาด้วย น่าจะพูดว่าห้องนอนเรา เราก็เลยถามว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่หรอ เขาก็หน้าเจื่อน ๆ แล้วบอกว่า ขอโทษนะ พอดีฉันไม่ได้เมคเคลียร์โปร์ไฟล์ ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว แต่บ้านฉันอยู่ห่างจากนี่ไปแค่ 5 นาทีเองเงิบซิคะท่านผู้ชม สรุปเราอยู่กับพ่อเลี้ยงเดี่ยว เด็ก 4 คนและหมาอีก 1 ตัว แถม ห้องอาบน้ำยังมีแค่ห้องเดียวด้วย ต้องใช้ร่วมกันทั้งหมด ช็อคซีนีม่าค่ะ แต่ ฉันมาไกลขนาดนี้แล้วนี่เป็นแค่เริ่มต้นเอง ก็คิดในแง่บวกว่าถ้าเขาไม่ใช่คนดี เขาก็คงไม่ได้มีออแพร์มาหลายคนแล้ว ถ้ามันจะมีปัญหาจริงๆ เราก็แค่เปลี่ยนบ้านแค่นั้นเอง ”

Aupair life in abroad
เด็ก 4 หมา 1

มันเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากกับบ้านนี้ เด็กทั้งสี่คนนี้จะมีบุคลิกที่แตกต่างกันมาก ด้วยความที่เขาถูกเลี้ยงมาแบบพ่อแม่แยกทางกันเพราะฉะนั้นงานของเป็ดจะยากหน่อย คือเราก็เข้าใจนะ บางทีเด็กจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวเอาแต่ใจมาก ‘ แต่บอกเลยเอาอยู่ ’ เป็ดเป็นคนที่ดุนะ เราเคร่งแต่เรายอมได้ เราจะมองว่าอะไรที่ทำแล้วเกิดประโยชน์กับเด็ก ๆ เราจะโอเค ในบรรดาเด็ก 3 คน ที่โตพอจะรู้เรื่อง เราก็ต้องคอยคิดตามให้ทันว่าจะมาไม้ไหน พวกเขาไม่ได้ร้ายนะ แต่ว่าบางทีเด็กก็อยากจะสนุกแบบเกินขอบเขตไปบ้างเราก็ต้องคอยดูให้ดีตลอดเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีปัญหากับเด็กเลยว่าเข้ากันไม่ได้ เราเองก็เข้าใจว่าเด็ก ๆ เหล่านี้ลึก ๆ แล้วเขาก็มีปัญหามากพอแล้ว สัปดาห์สุดท้ายก่อนเป็ดกลับ เด็ก ๆ จะปิดเทอมพอดี เราก็ต้องอยู่ด้วยกันเต็มวัน และต้องหากิจกรรมทำร่วมกัน ไม่ให้เล่นไอแพดอย่างเดียว เราก็แพลนกันว่าจะพาเด็ก ๆ ไปเล่นที่สวนใกล้บ้าน ให้เล่นไอแพดได้แค่ 30 นาที แต่จู่ ๆ น้องคนที่สอง ( คนนี้แสบมากที่สุด ) ก็พูดขึ้นว่า ฉันไม่อยากไป อยากเล่นไอแพด แล้วจะทำไม พูดเสร็จเธอก็สะบัดตูดไม่สนใจ  เป็ดรู้สึกโกรธมาก เพราะเรามองว่าเป็นการไม่เคารพกัน แต่ทำอะไรไม่ได้ เป็ดเลยเดินเข้าไปบอกว่า ไหน ๆ ฉันก็จะกลับอยู่แล้ว ช่วยทำตัวให้ดีหน่อย เชื่อฟังกันบ้าง ’ ตอนนั้นพูดไปสั่นไป ร้องไห้ไปด้วย เด็ก ๆ ที่เหลือ งง ช็อคกันไปหมดเลย พี่น้องก็พากันเดินไปรุมว่าน้องคนที่สองต่อว่าแบบทำไมทำกับเป็ดน้อยแบบนี้ เป็ดน้อยไม่เคยว่าอะไรเลย ยาวยืด วันนั้นก็จบด้วยการไม่ได้ออกไปไหน หมดแรง เหนื่อยล้าใจมาก … จะกลับอยู่แล้วเชียว ”

Aupair life in abroad
เล่าชีวิตใน 1 วันของออแพร์ให้ฟังหน่อย

“ สำหรับตารางงานออแพร์ของเป็ดอาจจะต่างจากบ้านอื่น ๆ  เพราะว่าเป็นบ้านพ่อเลี้ยงเดี่ยว เด็ก ๆ ก็จะมีย้ายไปนอนบ้านแม่บ้าง ที่นี้ตารางของเป็ดจะเน้นที่น้องคนสุดท้องเป็นหลักค่ะ คือในเวลางานที่มีน้องอยู่ด้วยไม่ว่าจะไปไหนต้องกระเตงกันไป ถ้าไกลเกินจะเดินก็ต้องปั่นจักรยานที่มีที่นั่งเด็กไปด้วย ตารางงานเป็ด จะสิ้นสุดตอน 17.00 น หรือตอนที่โฮสพ่อกลับถึงบ้านค่ะ หน้าที่หลักคือไปรับน้องทั้งสี่คนที่โรงเรียน โดยจะต้องพาหมาออกไปเดินเล่นด้วย และหลังจากนั้นถ้าน้อง ๆ มีซ้อมกีฬา เราก็จะต้องเตรียมตัวไปให้ตรงเวลา บ้านนี้จะดีอยู่อย่างคือโฮสพ่อจะเป็นคนไปส่งลูกทุกคนด้วยตัวเอง เดินไปด้วยกันพร้อมกับพาหมาเดินไปด้วย เป็ดก็จะเริ่มงานตอน 11.00 น. คือตอนที่ไปรับน้องคนสุดท้องเลิกเรียน ตอน 11.00 หลังจากนั้น จะพากลับมาบ้าน ทำอาหารกลางวันให้ทาน ให้เล่นของเล่นสักพักหรือบางทีก็จะห่อข้าวแล้วพาไปกินที่สวนใกล้บ้านเพื่อให้น้องได้เล่นสันทนาการ จากนั้นพาน้องอาบน้ำ ( ซึ่งจริง ๆ ตามตารางอาบมีแค่ อังคารกับพฤหัสบดี แต่อยากให้น้องรู้จักความสะอาดก็จับอาบทุกวันเลย คนสุดท้องก็เลยรอดจากการเป็นเหา …ใช่ค่ะ เหาไม่ได้มีแค่ในประเทศไทย ) พออาบเสร็จก็จะพาเข้านอนตอนกลางวัน ประมาณ 2 ชม. แล้วก็ปลุกให้เตรียมตัวไปรับพี่ ๆ ตอน 14.15 น. ช่วงที่เด็กโตเลิกเรียน ก็จะมีเพื่อนมาเล่นที่บ้าน ซึ่งโฮสจะบอกว่าให้มาเล่นได้ไม่เกิน 2 คู่นะ ไม่เช่นนั้นถ้ามาเยอะเกินเราจะดูไม่ทั่วถึงจากนั้นพ่อกลับถึงบ้านเราก็จะเสร็จงาน แต่ด้วยความเป็นคนไทยใจดี เป็ดก็จะช่วยงานจนกว่าทานอาหารเย็นเสร็จ อังคารกับพฤหัสบดี เริ่มงาน 09.00 น. ก็จะถามโฮสว่าน้องทานอาหารเช้ารึยัง แปรงฟันรึยัง เราจะได้จัดการได้ถูก เป็ดจะแพลนว่าจะทำอะไรในช่วงเช้าเช่นจะพาไปสนามเด็กเล่นหรือไปสวนเพื่อไปให้อาหารเป็ด ( เป็ดก๊าบก๊าบ  555 ) รวมไปถึงปั่นจักรยานสูดอากาศ บางวันก็พานั่งรถบัสเข้าเมืองก็มีค่ะ “
” เป็ดโชคดีที่ว่าบ้านถัดไปไม่กี่หลังมีเด็กอายุไล่เลี่ยกันแล้วก็มีออแพร์ด้วย เราก็เลยจะเป็น playdate กันเกือบทุกวันค่ะ ถ้าวันไหนที่สภาพอากาศไม่ดี เราจะเล่นเลโก้กันในบ้าน ไม่ก็เป็นของเล่นทั่วไป จากนั้นก็ให้ทานผลไม้ เตรียมอาหารกลางวัน อาบน้ำ พาเข้านอน ตอนบ่ายก็จะเป็นเหมือนวันทั่วไป วันพุธ เริ่มงาน 12.30 น. เพราะเด็กจะเลิกเรียนตอน 12.30 น. เราก็ไปรับน้องสามคนโตที่โรงเรียน ส่วนน้องคนสุดท้องแม่จะไปรับเองแล้วพากลับบ้านเขาค่ะ จริง ๆ วันพุธงานเป็ดจะถึงแค่ 14.30 น. แม่ของเด็ก ๆ จะทำงานครึ่งวันแล้วให้น้อง ๆ ปั่นจักรยานไปบ้านแม่กันเอง แต่วันนี้เด็กทั้งสามคนมีซ้อมกีฬา 3 คน 3 เวลา เขาก็ขอให้เป็ดช่วยเพราะน้องคนที่ 2 และ 3 ยังเด็กไปที่จะปั่นจักรยานตามลำพังไปสนามซ้อม เป็ดก็โอเคช่วยเขาไป เราปั่นไปส่ง น้องคนที่ 1 กับ 2 ให้ข้ามถนนใหญ่ไปได้ แล้วที่เหลือไปต่อเอง เพราะเป็นทางปกติ ส่วนคนที่ 3 เป็ดต้องปั่นไปส่งที่สนามและปั่นไปรับกลับ แต่ด้วยความที่ว่ามันไกล เป็ดก็เลยอยู่ที่สนามซ้อมจนเสร็จด้วยเลยค่ะ เสร็จประมาณ 17.30 น. พาน้องกลับบ้าน เป็นอันจบวัน ส่วนวันศุกร์ ก็เริ่ม 11.00 ไปรับน้องคนสุดท้อง กิจกรรมจะคล้าย ๆ กับวันอื่น ๆ แต่วันศุกร์ น้องคนที่ 1 กับ 2 จะมีซ้อมกีฬาอีก ที่นี้งานจะยากแล้วคือ เป็ดต้องเช็คว่าแม่ของน้องคนสุดท้องจะมารับกี่โมง ถ้ามาเร็วเราก็ต้องรีบปั่นไปไปส่งที่ซ้อมแล้วรีบกลับทำเวลายิ่งกว่ารถด่วน ถ้าเขามาค่ำหน่อยแล้วโฮสพ่อกลับมาพอดี เราก็ไม่ต้องเอาน้องนั่งจักรยานไปด้วยกัน คือแรก ๆ ที่มา เราค่อนข้างประหม่ากับการที่ต้องปั่นจักรยานแล้วมีเด็กนั่งไปด้วยกลัวพาน้องล้มแล้วจะเป็นอันตราย เพราะจักรยานของเราไม่มีเบรคมือ แต่เป็นเบรคด้วยการปั่นถอยหลัง แถมจักรยานก็สูงมาก พอนานเข้าก็เริ่มเซียน หลัง ๆ มากิจกรรมจึงเน้นไปที่การเล่นนอกบ้าน ได้ทำอะไรสร้างสรรค์ด้วยกัน และเป็ดก็ฝึกเรื่องภาษากับน้องด้วยค่ะ เด็กโตทั้งสามคนสื่ิอสารภาษาอังกฤษได้ดีมากเมื่อเทียบกับเพื่อน ๆ วัยเดียวกันที่โรงเรียน ตอนที่เป็ดมานี่แรก ๆ  เด็ก ๆ ทั้งสี่คนแทบจะไม่พูดขอโทษหรือขอบคุณกันเลยนะ รวมไปถึงไม่รู้จักการแบ่งปันระหว่างพี่น้อง ของฉันก็คือของฉัน แต่พออยู่ด้วยกัน เป็ดก็จะสอนและทำให้เป็นตัวอย่างเรื่อง การพูดขอโทษและขอบคุณ ซึ่งแม้กระทั่งพ่อแม่เขาเองก็ยังรู้สึกแปลกใจเวลาที่เด็ก ๆ พูดออกมาเลยค่ะ สรุปใน 1 อาทิตย์ จะถูกจำกัดเวลาทำงานที่  30 ชม.  ถ้าเกินโฮสจะต้องจ่ายเป็น extra แต่สำหรับเป็ดนางงามมิตรภาพจากประเทศไทยก็ทำเกินทุกวัน เพราะคิดว่าช่วย ๆ กันไป ช่วงหน้าหนาวโฮสพ่อจะหยุดงานอยู่บ้าน 5 เดือน เราเองก็จะสบายไปด้วยเพราะเขาก็จะทำกิจกรรมกับลูก หรือแม้แต่วันไหนที่เขาขอให้ extra ก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่มนะ เป็นนางงาม ทำการกุศลค่ะ 555 “

Aupair life in abroad
เห็นอะไรในเด็กดัตช์

” ที่เห็นชัดเจนเลยคือระบบโรงเรียนค่ะ เด็กที่นี่วิชาการกับสันทนาการควบคู่กันไป หลังเลิกเรียนจะเป็นกีฬาหรือดนตรีมากกว่าไปเรียนพิเศษด้านอื่น ๆ  และเด็กดัชต์พ่อแม่จะให้อิสระทางความคิดกันเยอะมาก เห็นได้จากการที่ไปช้อปปิ้ง น้อง ๆ เลือกของเองทั้งหมด เลือกกีฬาหรือกิจกรรมเสริมที่อยากทำรวมถึงเวลาที่จะไปเที่ยวหรือทำอะไรโฮสก็จะปรึกษาลูก ๆ ขอความคิดเห็นของเด็ก ๆ เวลาแต่งตัวไปโรงเรียนก็จะรับผิดชอบการแต่งตัวเองทั้งหมด เป็นตัวของตัวเองสูงนะ และก็ด้านความรับผิดชอบคือ สามารถปั่นจักรยานไปไหนมาไหนเองได้ถ้าพอโตที่จะรู้เรื่อง สมมติถ้าจะต้องไปเข้าค่ายน้องจะต้องแพคกระเป๋าเอง ซึ่งตรงนี้เด็กไทยบ้านเราบางทียังมีข้อจำกัดในเรื่องการแสดงออกทางความคิด เราเข้าใจนะ วัฒนธรรม หรือ สังคมต่างกัน และเรื่องหนึ่งที่แตกต่างกันระหว่างเด็กดัชต์กับเด็กไทย ก็คือเพื่อนค่ะ เด็กที่นี่เพื่อนก็คือคนที่เรารู้สึกว่าเป็นเพื่อนจริง ๆ แต่อย่างบ้านเรา เพื่อนร่วมชั้นเรียน เพื่อนบ้าน เพื่อนของเพื่อน เพื่อนที่ทำงานก็คือเพื่อนเนอะ แต่ที่นี่คนข้างบ้านก็คือคนข้างบ้าน คนที่เรียนร่วมชั้นก็เป็นแค่คนที่เรียนร่วมชั้น มีแค่บางคนเป็นเพื่อน คนที่เล่นกีฬาด้วยกันก็ยังไม่ใช่เพื่อนนะ ครั้งหนึ่งเป็ดเคยถามน้องคนที่สามว่า นี่อยู่บ้านกันเฉยๆ ทำไมไม่ชวนเพื่อนข้างบ้านมาเล่น น้องก็ว่าไม่เอาอ่ะ อยากเล่นกับเพื่อนมากกว่าคนนี้เป็นแค่คนข้างบ้าน neighbor ไม่ใช่เพื่อนซะหน่อย  เราก็ อ้าวหรอ เงิบเลย ฮ่า ๆ “

ฝากอะไรถึงน้อง ๆ ที่อยากมาออแพร์

” ไม่ว่าจะเป็นออแพร์ประเทศไหน ๆ การปรับตัวและเปิดใจยอมรับเป็นเรื่องสำคัญมาก เป็ดคิดว่าคนที่จะมาเป็นออแพร์ได้ นอกจากจะชอบการอยู่กับเด็กแล้วการเปิดใจยอมรับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่างของเป็ดท้ายที่สุดแล้วแม้จะเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร บางครอบครัวที่มีพ่อแม่ครบสมบูรณ์ บางทีออแพร์ก็ไม่สามารถทนได้นะ ‘ นอกจากเรื่องเปิดใจและปรับตัวแล้ว ก่อนจะตกลงรับครอบครัว เราต้องถามให้ดี ถามให้เคลียร์ เรื่องเงินค่าจ้าง เรื่องงาน เรื่องวันหยุด เรื่องรายละเอียดต่าง ๆ เอาให้ชัดเจน อย่าไปคิดว่า อุ้ย ไม่เอาไม่ถามดีกว่าเดี๋ยวเขาจะว่าเราถามเยอะเกิน ไม่ค่ะ ฝรั่งชอบคนชัดเจน เข้าใจ ไม่ใช่ว่าพอมาถึงแล้ว อ้าวเห้ย ( เป็นเหมือนเป็ด ) สุดท้ายถ้าอยากจะมาใช้ชีวิต ได้เที่ยวด้วย เก็บเงินได้บ้าง ก็ลองมาเป็นออแพร์ดูค่ะ แต่ครั้งเดียวพอนะ เราจะได้ไปทำอย่างอื่นด้วย  555 “

 

ปวีณา ศรีวิชัย  เป็น ออแพร์ คนไทย  ( ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ )

 

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here