1 ใน 7 สิ่งที่ผู้หญิงซาอุดิอาระเบียทำไม่ได้คือ การขับรถ ด้วยความเชื่อทางศาสนาและวัฒนธรรมที่เคร่งครัด ทำให้ชาวซาอุฯเชื่อว่าผู้หญิงที่ขับรถบ่อนทำลายคุณค่าทางสังคม หากพบว่าพวกเธอขับรถในที่สาธารณะก็อาจถูกลงโทษได้ ล่าสุด สำนักข่าวซาอุดีเพรสรายงานว่า คิงซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย ออกพระราชกฤษฎีกาอนุญาตให้ผู้หญิงชาวมุสลิมในประเทศ สามารถขับรถยนต์ได้แล้ว โดยจะเริ่มบังคับใช้คำสั่งภายในวันที่ 24 เดือนมิถุนายนปี 2561
เจ้าชายคาลิด บิน ซัลมาน เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำสหรัฐฯ กล่าวว่า “นับเป็นวันประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่” และ “เป็นการตัดสินพระทัยที่ถูกต้องในช่วงเวลาที่เหมาะสม” พร้อมยืนยันว่า ผู้หญิงจะไม่ต้องขออนุญาตผู้ดูแลชายเพื่อเรียนขับรถ และจะสามารถขับรถไปไหนก็ได้โดยไม่มีข้อจำกัด
ซาอุดีอาระเบียเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่ห้ามผู้หญิงขับรถ โดยภายใต้กฎหมายปัจจุบัน มีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่สามารถทำใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ได้ ส่วนผู้หญิงที่ฝ่าฝืนจะเสี่ยงถูกจับกุมและเสียค่าปรับ ซึ่งกฎหมายนี้ทำให้หลายครอบครัวต้องจ้างคนขับรถส่วนตัวไว้รับส่งผู้หญิง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิสตรีในซาอุดิอาระเบีย ใช้เวลารณรงค์มากเป็นเวลานานหลายปี เพื่อเรียกร้องให้สตรีสามารถขับรถได้อย่างถูกกฎหมาย โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ มีขึ้นเนื่องจากรัฐบาลซาอุฯ ต้องการสร้างภาพลักษณ์ให้ประเทศมีความทันสมัยมากขึ้น เพราะแสดงถึงความเท่าเทียมทางเพศ
7 สิ่ง ที่ผู้หญิงไม่สามารถทำได้เพียงเพราะเกิดมาเป็นผู้หญิง
- ออกจากบ้าน โดยปราศจากพี่เลี้ยง หญิงซาอุดีอาระเบีย ไม่สามารถออกไปนอกบ้านได้ตามลำพังเลย หากไม่มีหญิงหรือชายที่เป็นผู้คุ้มครองติดตามออกไปด้วยเสมอ โดยผู้คุ้มครองที่เป็นเพศชายส่วนใหญ่จะเป็นญาติของฝ่ายหญิง ทำให้พวกเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะออกไปไหนต่อไหนได้อย่างอิสระ ที่ผ่านมาเคยมีกรณีหญิงออกจากบ้านตามลำพังแล้วถูกข่มขืน แทนที่จะได้รับความช่วยเหลือหรือเห็นใจ เธอกลับถูกลงโทษตามกฎหมายว่าละเมิดกฎออกไปข้างนอกคนเดียว
- ขับรถ แม้ว่าจะไม่มีตัวบทกฎหมายชัดเจนห้ามผู้หญิงในประเทศขับรถ แต่ด้วยความเชื่อทางศาสนาและวัฒนธรรมที่เคร่งครัด ทำให้ชาวซาอุดีเชื่อว่าผู้หญิงที่ขับรถบ่อนทำลายคุณค่าทางสังคม หากพบว่าพวกเธอขับรถในที่สาธารณะก็อาจถูกลงโทษได้
- แต่งกาย-แต่งหน้า เพื่อความงาม จากกฎหมายอิสลามที่เคร่งครัด การแต่งกายและแต่งหน้า เพื่อโชว์ความสวยงามของร่างกายและใบหน้า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยผู้หญิงซาอุดีส่วนใหญ่ จะต้องสวมผ้าคลุมผม และเสื้อคลุมสีดำที่เรียกว่า อาบายะห์ แต่การปกปิดร่างกายมิดชิดของสตรีทั้งหลาย ก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะทำให้พวกเธอรอดจากการถูกคุกคามทางเพศ
- พูดคุยกับผู้ชาย การพูดคุยกับชายที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดเป็นสิ่งผิด โดยผู้หญิงจะมีช่วงเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถคุยกับชายหนุ่มในที่สาธารณะได้ โดยสถานที่สาธารณะอย่างธนาคาร และมหาวิทยาลัย จะมีช่องทางการเดินเข้าแยกชาย-หญิงเอาไว้ และหากพบว่ามีการละเมิดกฎ ทั้งชายและหญิงจะถูกลงโทษทางอาญา แต่ผู้หญิงจะถูกลงโทษหนักกว่ามาก
- ว่ายน้ำ หญิงคนหนึ่งเคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า เธอเคยมีประสบการณ์ใช้สระว่ายน้ำในโรงแรมของกรุงริยาด โดยถูกเจ้าหน้าที่ที่ดูแลสระข่มขู่ว่าในฐานะที่เป็นผู้หญิง เธอไม่ได้รับอนุญาตให้หันไปมองผู้ชายที่กำลังว่ายน้ำอยู่
- แข่งกีฬา ไม่กี่ปีก่อน ซาอุดีอาระเบียเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ แต่ไม่ต้องการให้ผู้หญิงเข้าร่วมแข่งขัน โดยทางการซาอุดีอาระเบียระบุว่าถือเป็นเรื่องยากลำบากที่จะยอมให้ผู้หญิงเข้าร่วมแข่งขันกีฬา และเมื่อซาอุดีอาระเบียส่งนักกีฬาหญิงเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงลอนดอนเป็นครั้งแรก นักกีฬาหญิงคนดังกล่าวก็ถูกกล่าวหาจากกลุ่มเคร่งศาสนาว่าเป็นโสเภณี
- ลองเสื้อผ้าขณะเลือกซื้อ นิตยสาร ชื่อดังระดับโลกอย่าง แวนิตีแฟร์ เคยเขียนบทความที่ชื่อ A Girl’s Guide to Saudi Arabia เมื่อปี 2010 ระบุว่า การเปลื้องผ้าของผู้หญิงในห้องลองเสื้อผ้า เป็นสิ่งที่เลวร้ายเกินกว่าผู้ชายจะสามารถจัดการได้
