เราเคยได้ยินว่าโคเปนเฮเกนขึ้นชื่อเรื่องความสะอาด ทั้งน้ำดื่มและน้ำใช้ในครัวเรือน อาหารที่เป็นออแกนิก โรงแรมหรูที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน ร้านอาหารที่เสริ์ฟอาหารทะเลที่มาจากการทำประมงแบบถูกวิธี บอกเลยว่าทริปนี้เราไม่เน้นเช็คอินที่เที่ยวมาก แต่อยากเอาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเมืองมาฝากกัน โคเปนเฮเกนมองเผิน ๆ เหมือนอัมสเตอร์ดัม ด้วยลักษณะของตึกรามบ้านช่อง และเป็นเมืองที่ได้รับขนานนามว่าเป็น World’s best city for cyclists แต่ไม่ได้หมายความว่ามีจำนวนคนปั่นจักรยานเป็นอันดับ 1 ของโลกนะคะ แต่โคเปนเฮเกนชนะอัมสเตอร์ดัมตรงที่มีสาธารณูปโภคที่เอื้อต่อการปั่นจักรยานมากกว่าคะ โคเปนเฮเกนเป็นหนึ่งในเมืองท่าสำคัญในเขตสแกนดิเนเวียแห่งนี้ เมืองที่ถูกจัดอันดับว่าทันสมัยและมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัยมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อันเป็นผลจากการวางแผนพัฒนาเมืองอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งทำให้จากเมืองท่าไม่ใหญ่ไม่โตแห่งศตวรรษที่ 12 กลายเป็นเมืองท่าทางทะเลเมืองสำคัญของยุโรปเหนือตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา
ตั้งแต่ปี 2552 สภาเมืองโคเปนเฮเกน (Copenhagen City Council) ได้ตอบรับแผนพัฒนาเมืองใหม่ซึ่งใช้ชื่อว่า “A Metropolis for People (มหานครสำหรับทุกคน)” อันแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของการพัฒนาพื้นที่เมืองโคเปนเฮเกน ที่มุ่งหวังให้เมืองมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีพื้นที่สาธารณะที่เหมาะสำหรับทุกคน และมีกิจกรรมที่สนับสนุนการดำรงชีวิตในหลากรูปแบบ โดยมีเป้าประสงค์หลักอยู่ 3 ข้อ คือ การสร้างพื้นที่สาธารณะให้มากขึ้น กระตุ้นให้ชาวเมืองออกมาเดินมากขึ้น และสนับสนุนให้ผู้คนใช้เวลาภายในเมืองมากขึ้น
โคเปนเฮเกน (Copenhagen) คือเมืองจักรยาน (Bike City) อันดับ 1 ของโลก แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ใช้เวลาเกือบ 30 ปีเลยทีเดียว! แม้คนเดนมาร์กจะฮิตการปั่นจักรยานกันมาตั้งแต่ประมาณ ปี 1920-1930 แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือประมาณปี 1950 คนก็หันไปขับรถยนต์กันมากขึ้น ซึ่งทำให้สภาพเมืองไม่ต่างกับเมืองใหญ่ทั่วๆ ไปที่รถยนต์สร้างมลพิษทางอากาศ เกิดความแออัดบนท้องถนน และยังทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงบ่อยมาก ดังนั้นในแผนการพัฒนาเมืองระยะยาวของเดนมาร์ก จึงมีแผนเรื่องการสร้างเมืองจักรยานอยู่ด้วย
การขนส่งโดยใช้พลังงานที่ได้จากมนุษย์ ขับเคลื่อนโดยการกดลูกบันได พาหนะสำหรับเส้นทางทุรกันดาร มีสองล้อเชื่อมต่ออยู่กับเฟรม ล้อทั้งคู่เรียงกันในทิศทางเดียวกัน โดยคนที่ขับขี่จักรยานเรียกว่านักปั่นจักรยาน สมัยก่อนการปั่นจักรยานถือเป็นพาหนะสำหรับคนจน แต่ทว่าในประเทศแถบยุโรปกลับเป็นสิ่งที่คนทุกชนชั้นใช้ในการสัญจร ช่วง 4 -5 โมงเย็น เป็นช่วงที่ถนนวุ่นวายพอสมควรเพราะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังกลับบ้าน ภาพผู้คนในทุกแฟชั่น ผู้ชายสวมสูท ผู้หญิงใส่ส้นสูงที่กำลังปั่นจักรยานเป็นภาพที่ดูแปลกตาดีทีเดียว
ไปดูข้อมูลรวมของประเทศเดนมาร์กกันว่าเขาประหยัดเงินไปเท่าไหร่ในการใช้จักรยาน
กว่าที่จะมาเป็นเมืองอันดับ 1 ของเมืองจักรยานระดับโลกนั้น ทางรัฐบาลได้ทุ่มงบประมาณกว่า 134 ล้านยูโร เพื่อปรับปรุง ลงทุนไปในด้านสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกในระยะ 10 กว่าปีที่ผ่านมานี้ สร้างสะพานใหม่ 16 สะพานสำหรับคนสัญจรไปมาด้วยจักรยาน และคนเดินเท้า จึงส่งผลให้มีคนใช้จักรยานถึง 62 เปอน์เซ็นต์เพื่อไปทำงานและไปโรงเรียน และเพียง 9 เปอร์เซ็นต์ เป็นผู้ใช้รถเท่านั้น
สำหรับใครที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่ www.cycling-embassy.dk
ขอบคุณที่มาของข้อมูล http://www.tcdc.or.th/ www.lonelyplanet.com http://www.cycling-embassy.dk/ http://denmark.dk
ติดตามต่อได้ในตอนหน้า สำหรับใครที่อยากไปปั่นจักรยานที่โคเปนเฮเกนมีเรื่องจักรยานมาเล่าคะ
ภาพประกอบโดย กิน เที่ยว เปรี้ยว แชร์ Get Lost in Thailand
